04

กลยุทธ์การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้วย AI
(AI HR Strategy)

คู่มือสำหรับผู้บริหารในการนำทางการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลในยุค AI ครอบคลุมกลยุทธ์ Reskilling/Upskilling การจัดการการเปลี่ยนแปลง การสื่อสาร ลดความกังวลพนักงาน และใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพ HR เพื่อสร้างความได้เปรียบ

Executive Summary

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังพลิกโฉมโลกแห่งการทำงานอย่างรวดเร็ว นำเสนอทั้งโอกาสในการเพิ่มผลิตภาพอย่างก้าวกระโดด การสร้างสรรค์ตำแหน่งงานใหม่ๆ และการยกระดับประสบการณ์ของพนักงานผ่านเครื่องมือ AI ใน HR อย่างไรก็ตาม AI ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและความท้าทายที่สำคัญยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงของทักษะที่จำเป็นในตลาดแรงงาน (World Economic Forum คาดการณ์ว่าทักษะหลัก 44% จะเปลี่ยนไปใน 5 ปีข้างหน้า และ 6 ใน 10 คนต้องได้รับการฝึกอบรม) และความวิตกกังวลของพนักงานเกี่ยวกับความมั่นคงในอาชีพ (ผลสำรวจชี้ว่าเกือบ 90% กังวลเรื่องนี้)

ทักษะหลักที่จะเปลี่ยนแปลง
0 %

ใน 5 ปีข้างหน้าตาม World Economic Forum

พนักงานต้องได้รับการฝึกอบรม
0 %

เพื่อปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง

พนักงานที่กังวล
0 %

เกี่ยวกับความมั่นคงในอาชีพ

ความท้าทายที่แท้จริงไม่ใช่ตัวเทคโนโลยี AI แต่คือความสามารถขององค์กรในการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลในยุค AI ไม่สามารถดำเนินไปตามแนวทางเดิมๆ ได้อีกต่อไป แต่ต้องเปลี่ยนเป็นการบริหารจัดการเชิงรุก ที่มุ่งเน้นการสร้างความพร้อมให้พนักงานรับมือกับการเปลี่ยนแปลง พัฒนาทักษะแห่งอนาคต และสร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกับ AI อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้เสนอแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน โดยใช้หลักการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRD) และการสื่อสารองค์กร เพื่อเปลี่ยนความท้าทายเหล่านี้ให้เป็นความได้เปรียบในการแข่งขัน
 

หลุมพรางที่ต้องระวัง (Potential Pitfalls):

• การมองว่าเป็นหน้าที่ของฝ่าย HR เท่านั้น

การขาดการนำที่ชัดเจนและวิสัยทัศน์ร่วมจากผู้บริหารระดับสูง

• การสื่อสารที่ไม่เพียงพอหรือไม่โปร่งใส

ซึ่งยิ่งเพิ่มความกลัวและความไม่แน่นอน

• การลงทุนในโปรแกรม Reskill/Upskill ที่ไม่สอดคล้อง

กับความต้องการเชิงกลยุทธ์ขององค์กร

• การมุ่งเน้นเฉพาะทักษะทางเทคนิค

โดยละเลยทักษะด้านมนุษย์ (Human-centric skills) ที่ AI ทดแทนไม่ได้ เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดสร้างสรรค์ และความฉลาดทางอารมณ์

• การนำ AI มาใช้ในกระบวนการ HR โดยขาดการกำกับดูแล

อาจนำไปสู่ปัญหาด้านอคติและความเป็นธรรมได้

กลยุทธ์การจัดลำดับความสำคัญ:

• วิเคราะห์และวางแผนเชิงกลยุทธ์

ประเมินผลกระทบของ AI ต่อบทบาทและทักษะต่างๆ ในองค์กร ระบุช่องว่างทักษะ (Skill Gaps) และวางแผนกำลังคนสำหรับอนาคต (Strategic Workforce Planning)

• สร้างความเร่งด่วนและสื่อสารวิสัยทัศน์

สื่อสารอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง บทบาทของ AI (ทั้งในฐานะเครื่องมือและผู้ช่วย) และวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI เพื่อลดความกลัวและสร้างความเข้าใจ

• ลงทุนในการพัฒนาทักษะอย่างตรงจุด

ออกแบบโปรแกรม Reskilling/Upskilling ที่เน้นทั้งทักษะดิจิทัล (AI Literacy, Data Analysis, Prompt Engineering) และทักษะที่ AI ทำไม่ได้ (ความคิดสร้างสรรค์, การแก้ปัญหาซับซ้อน, การทำงานร่วมกับผู้อื่น) โดยจัดลำดับความสำคัญตามผลกระทบและความเร่งด่วน

• นำการเปลี่ยนแปลงอย่างมีแบบแผน

ใช้กรอบการบริหารการเปลี่ยนแปลง (เช่น Kotter's 8-Steps) เพื่อขับเคลื่อนการปรับตัว สร้างการมีส่วนร่วม และลดแรงต้าน

• ส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนให้พนักงานเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง การลงทุนในการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลเชิงกลยุทธ์ในวันนี้ คือการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความสำเร็จขององค์กรในวันหน้า ช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่น มีความสามารถในการแข่งขัน และพร้อมที่จะคว้าโอกาสที่มาพร้อมกับยุค AI

1. เมื่อ AI เขย่าโลกการทำงาน ความท้าทายและความจำเป็นของ HR เชิงกลยุทธ์

2023
ทักษะที่เปลี่ยนแปลง 44%
2024
ทักษะที่เปลี่ยนแปลง 52%
2025
ทักษะที่เปลี่ยนแปลง 60%
2026
ทักษะที่เปลี่ยนแปลง 68%
2027
ทักษะที่เปลี่ยนแปลง 75%

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงแนวคิดในนิยายวิทยาศาสตร์ มาสู่การเป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง (Disruptive Force) ที่สำคัญในโลกธุรกิจปัจจุบัน ผลกระทบของ AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตหรือบริการ แต่ยังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อ “คน” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทุกองค์กร การเข้ามาของ AI ทำให้โครงสร้างงาน ทักษะที่จำเป็น และวิธีการทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รายงาน Future of Jobs Report 2023 จาก World Economic Forum (WEF) คาดการณ์ว่าทักษะหลัก (Core Skills) ที่จำเป็นสำหรับพนักงานถึง 44% จะมีการเปลี่ยนแปลงภายใน 5 ปีข้างหน้า และพนักงาน 6 ใน 10 คน จะต้องการการฝึกอบรมเพื่อปรับตัว

ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ก่อให้เกิดความกังวลและความไม่แน่นอนในหมู่พนักงาน ผลสำรวจจาก ที่เผยแพร่ผ่าน PRWeb พบว่า พนักงานเกือบ 90% กลัวว่าตำแหน่งงานของตนจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ และต้องการการฝึกอบรมอย่างเร่งด่วน ปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่องค์กรต่างๆ โดยเฉพาะฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ต้องปรับเปลี่ยนบทบาทจากการบริหารจัดการแบบดั้งเดิม สู่ การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลเชิงกลยุทธ์ (Strategic Workforce Management and Development) เพื่อนำองค์กรและพนักงานก้าวข้ามความท้าทายและคว้าโอกาสในยุค AI

2. ทำไม AI จึงสร้างโจทย์ใหม่ที่ท้าทายการบริหารคน?

• AI ทำงาน "สมอง" ได้

ทำงานที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ และตัดสินใจได้

• ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทักษะที่เคยเป็นที่ต้องการอาจล้าสมัยในเวลาอันสั้น

• ความกลัวและความไม่แน่นอนในวงกว้าง

พนักงานจำนวนมากเกิดความรู้สึกไม่มั่นคง กลัวตกงาน

• การเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของงาน

งานจะกลายเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI (H-AI Collaboration)

ความท้าทายด้านบุคลากรที่เกิดจาก AI ไม่เหมือนกับคลื่นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีก่อนหน้านี้ เนื่องจาก AI โดยเฉพาะ Generative AI สามารถทำงานที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ และตัดสินใจ ซึ่งเคยเป็นขอบเขตของมนุษย์ (Knowledge Workers) ได้ ทำให้กลุ่มพนักงานที่ได้รับผลกระทบขยายวงกว้างขึ้นมาก

สมมติฐานที่เปลี่ยนแปลงไป:

เดิม

  • การพัฒนาทักษะเน้นการฝึกอบรมเป็นครั้งคราว หรือตามตำแหน่งงานเฉพาะ
  • HR เน้นกระบวนการบริหารจัดการ (สรรหา, จ่ายค่าจ้าง, ประเมินผล)

ใหม่:

  • ต้องเปลี่ยนเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการพัฒนาทักษะข้ามสายงาน (Cross-functional Skills) ที่เน้นความสามารถในการปรับตัวและการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี
  • HR ต้องมีบทบาทเชิงกลยุทธ์ในการออกแบบองค์กรแห่งอนาคต วางแผนกำลังคน พัฒนาทักษะ และนำการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม

ผลกระทบต่อองค์กร (หากไม่มีกรอบกลยุทธ์ AI):

• ภาวะขาดแคลนทักษะ (Talent Shortage)

ไม่สามารถหาหรือพัฒนาพนักงานที่มีทักษะจำเป็นสำหรับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้ทัน ทำให้เสียเปรียบคู่แข่ง

• ขวัญกำลังใจตกต่ำและผลิตภาพลดลง

ความกังวลและความไม่แน่นอนของพนักงานนำไปสู่ความเครียด การขาดแรงจูงใจ และประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง

• การต่อต้านการเปลี่ยนแปลง (Resistance to Change)

พนักงานอาจไม่ให้ความร่วมมือในการนำ AI มาใช้ หากพวกเขารู้สึกว่าถูกคุกคามหรือไม่ได้รับการสนับสนุน

• สูญเสียบุคลากรที่มีคุณภาพ (Talent Drain)

พนักงานที่รู้สึกว่าองค์กรไม่ลงทุนในการพัฒนาหรือไม่เห็นอนาคตของตน อาจตัดสินใจลาออกไปหาโอกาสที่ดีกว่า

• ไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้เต็มที่

แม้จะลงทุนในเทคโนโลยี AI แต่หากพนักงานไม่พร้อมหรือไม่สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้ องค์กรก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเท่าที่ควร

หัวใจสำคัญ (Core Message)

การรับมือกับผลกระทบของ AI ต่อบุคลากรไม่ใช่แค่การ “จัดการปัญหา” แต่เป็น “โอกาสเชิงกลยุทธ์”

องค์กรที่สามารถเปลี่ยนผ่านสู่การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่เน้นการปรับตัว การเรียนรู้ต่อเนื่อง และการสร้างความร่วมมือระหว่างมนุษย์กับ AI จะสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง มีความยืดหยุ่น และพร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน
 

3. การนำและการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Leadership & Change Management)

1

สร้างความเร่งด่วนและวิสัยทัศน์

ผู้บริหารต้องสื่อสารอย่างชัดเจนถึงความสำคัญและความจำเป็นในการปรับตัว สร้างวิสัยทัศน์ร่วมเกี่ยวกับอนาคตที่มนุษย์และ AI ทำงานร่วมกัน

2

สร้างทีมนำการเปลี่ยนแปลง

จัดตั้งทีมข้ามสายงาน (HR, IT, Business Leaders, Employee Representatives) เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

3

สื่อสารอย่างต่อเนื่องและโปร่งใส

ใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายและสม่ำเสมอ เพื่อแจ้งความคืบหน้า ตอบคำถาม และลดความกังวลของพนักงาน อธิบายว่า AI จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพ ไม่ใช่แค่แทนที่

4

ขจัดอุปสรรค

ปรับปรุงโครงสร้าง กระบวนการ หรือนโยบายที่ขัดขวางการเรียนรู้และการปรับตัว

5

สร้างชัยชนะระยะสั้น

ฉลองความสำเร็จเล็กๆ ในการปรับตัวหรือการใช้ AI เพื่อสร้างแรงจูงใจ

6

ทำให้การเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม

บูรณาการทักษะใหม่และแนวทางการทำงานใหม่เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรอย่างยั่งยืน

การพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ตลอดชีวิต

(Reskilling, Upskilling & Lifelong Learning)

วิเคราะห์ทักษะแห่งอนาคต

ระบุทักษะที่จำเป็นสำหรับองค์กรในยุค AI ทั้งทักษะด้านเทคนิคและทักษะด้านมนุษย์

ออกแบบโปรแกรมที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย

สร้างเส้นทางการเรียนรู้ที่หลากหลายที่พนักงานสามารถเข้าถึงได้ง่าย

วัดผลและปรับปรุง

ประเมินประสิทธิภาพของโปรแกรมพัฒนาทักษะ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้

สนับสนุนให้พนักงานมีความคิดริเริ่มในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

การปรับบทบาทและการออกแบบงาน

(Role Adjustment & Job Redesign)

วิเคราะห์ผลกระทบต่องาน

ประเมินว่า AI จะส่งผลกระทบต่องานต่างๆ อย่างไร

ออกแบบงานที่เน้นการทำงานร่วมกับ AI

ปรับปรุงขอบเขตงานและกระบวนการทำงาน

สร้างเส้นทางความก้าวหน้าใหม่

พัฒนาเส้นทางอาชีพที่สะท้อนถึงทักษะและบทบาทใหม่ๆ

การวิเคราะห์ผลกระทบต่องานช่วยให้องค์กรเข้าใจว่างานส่วนใดจะถูกทดแทน ส่วนใดจะถูกเสริมศักยภาพ (Augmented) และจะมีงานรูปแบบใหม่ใดเกิดขึ้น การออกแบบงานที่เน้นการทำงานร่วมกับ AI จะช่วยให้มนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่ และมุ่งเน้นไปที่งานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวของมนุษย์

การใช้ AI ในการบริหารทรัพยากรบุคคล (AI for HR)

เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการ HR

นำเครื่องมือ AI มาช่วยในงาน HR ที่มีลักษณะซ้ำซาก หรือต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก เช่น การคัดกรองผู้สมัครเบื้องต้น, การจัดการข้อมูลพนักงาน, การวิเคราะห์แนวโน้มการลาออก

ยกระดับประสบการณ์พนักงาน

ใช้ Chatbot ตอบคำถาม HR ทั่วไป หรือใช้ AI ช่วยแนะนำโปรแกรมพัฒนาทักษะที่เหมาะสมกับพนักงานแต่ละคน

การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลพนักงานเพื่อทำความเข้าใจแนวโน้ม วางแผนกำลังคน และตัดสินใจด้านบุคลากรได้ดีขึ้น

ข้อควรระวัง: ต้องมั่นใจว่าการใช้ AI ใน HR เป็นไปอย่างมีจริยธรรม โปร่งใส และปราศจากอคติ

การยืนยันประสิทธิผล

(Verifying Effectiveness)

ตัวชี้วัดด้านบุคลากร (HR Metrics)

อัตราการมีส่วนร่วมของพนักงาน (Employee Engagement Score), อัตราการรักษาพนักงาน (Retention Rate), ความพึงพอใจของพนักงานต่อโปรแกรมพัฒนาทักษะ, อัตราการเลื่อนตำแหน่งภายใน (Internal Mobility Rate)

ตัวชี้วัดด้านทักษะ (Skill Metrics)

ผลการประเมินทักษะก่อน-หลังการฝึกอบรม, จำนวนพนักงานที่ได้รับการรับรองทักษะใหม่, ความเร็วในการปิดตำแหน่งงานที่ต้องการทักษะใหม่

ตัวชี้วัดด้านธุรกิจ (Business Metrics)

ผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นในทีมที่ทำงานร่วมกับ AI, ความเร็วในการนำนวัตกรรมออกสู่ตลาด, ผลตอบรับจากลูกค้าเกี่ยวกับบริการที่ได้รับผลกระทบจาก AI

การสำรวจและการรับฟังความคิดเห็น

ทำ Pulse Surveys หรือ Focus Groups เพื่อวัดความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และความกังวลของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ

สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

พนักงานที่มีทักษะพร้อมสำหรับอนาคต

องค์กรที่บริหารจัดการและพัฒนาบุคลากรเชิงกลยุทธ์ได้สำเร็จในยุค AI จะมีพนักงานที่มีทักษะพร้อมสำหรับอนาคตและปรับตัวได้เร็ว

วัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลง

มีวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม สามารถดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพสูง

ใช้ประโยชน์จาก AI อย่างเต็มศักยภาพ

ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ได้อย่างเต็มศักยภาพ มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในด้านความเร็ว ประสิทธิภาพ และนวัตกรรม

ข้อเสนอแนะสำหรับผู้บริหาร

โอกาส

  • เพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพ
  • ปลดล็อกศักยภาพพนักงานด้วย AI Augmentation
  • สร้างสรรค์ตำแหน่งงานและรูปแบบธุรกิจใหม่
  • ยกระดับการตัดสินใจด้วยข้อมูล
  • สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่แข็งแกร่ง

ความเสี่ยง

  • การว่างงานวงกว้างหากปรับตัวไม่ทัน
  • ช่องว่างทักษะที่ถ่างกว้าง
  • ขวัญกำลังใจพนักงานตกต่ำและการต่อต้าน
  • สูญเสียบุคลากรให้คู่แข่ง
  • ไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้เต็มที่
  • ความเสี่ยงด้านจริยธรรมจากการใช้ AI ใน HR

การปฏิวัติของ AI ไม่ใช่เรื่องของอนาคตอันไกล แต่เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อหัวใจสำคัญขององค์กร นั่นคือ “พนักงาน” การเพิกเฉยหรือตอบสนองอย่างล่าช้าต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ อาจหมายถึงการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันอย่างถาวร ผู้บริหารจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการนำองค์กรเปลี่ยนผ่านความท้าทายนี้ไปสู่โอกาส

สรุปกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ (Strategic Roadmap):

1

กำหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ด้านบุคลากรที่เชื่อมโยงกับ AI

กำหนดทิศทางที่ชัดเจนว่าองค์กรจะใช้ AI อย่างไร และพนักงานจะมีบทบาทอย่างไรในอนาคต

2

ลงทุนในการสื่อสารและการจัดการการเปลี่ยนแปลง

สร้างความเข้าใจ ลดความกลัว และนำการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ

3

ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะแห่งอนาคต

ทั้ง Reskilling และ Upskilling โดยเน้นทักษะที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและมนุษย์

4

สร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และความยืดหยุ่น

สนับสนุนให้พนักงานปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง

5

ใช้ HR Tech อย่างชาญฉลาดและมีจริยธรรม

นำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ HR แต่ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมและความโปร่งใส

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

คว้าโอกาสแซงหน้าคู่แข่ง

ตัดสินใจสร้าง "แผนกลยุทธ์ธุรกิจด้วย AI เพื่อสร้างความได้เปรียบที่คู่แข่งเลียนแบบไม่ได้ 5 ขั้นตอน

ลงทุนอย่างชาญฉลาดเพื่อความสำเร็จที่เหนือกว่า: รับแผนกลยุทธ์ธุรกิจ ที่ออกแบบมาเพื่อความสำเร็จของคุณ ไม่ต้องเสียเวลาลงมือทำเอง และไม่ต้องจ้างบริษัทที่ปรึกษา AI ราคาแพงอีกต่อไป! เสร็จสมบูรณ์ภายใน 14 วัน

1
ปรึกษาฟรี!:

โทรปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำ ในการพิจารณาเลือก Business Solutions ที่เหมาะสมกับองค์กรคุณ

2
ระบุวัตถุประสงค์ของท่าน:

กรุณาให้ข้อมูลตามแบบฟอร์มที่เราจัดส่งให้ รับประกันความปลอดภัยของข้อมูลสูงสุด

3
ข้อเสนอพิเศษสุด!:

ด้วยค่าบริการเพียง 79,000 บาท จากปกติ 100,000 บาท Promotion พิเศษนี้ ภายใน 31 ตุลาคม 2568 เท่านั้น

4
รอรับแผนกลยุทธ์เพื่อความสำเร็จ:

รับแผนกลยุทธ์ธุรกิจ ที่พร้อมใช้งานใน 14 วัน ขับเคลื่อนโดย H-AI Ecosystem™ เพื่อสร้างความสำเร็จให้กับคุณโดยเฉพาะ

5
สบายใจ ไร้ความเสี่ยง:

รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปรับแก้ไขแผนกลยุทธ์ ได้ฟรี 1 ครั้ง (ภายใน 30 วัน) เพื่อความสมบูรณ์แบบ

โทรปรึกษาฟรี! เรายินดีให้คำแนะนำ
พลิกเกมสู่ ‘ผู้นำ’

สร้างความได้เปรียบแบบ ‘ผู้นำเชิงกลยุทธ์’ แซงคู่แข่งแบบก้าวกระโดด ในเวลา 14 วัน ด้วยงบประมาณที่เข้าถึงได้

คู่แข่งใช้ AI… แล้วคุณใช้อะไรที่เหนือกว่า? หยุดเป็น ‘ผู้ตาม’ และพลิกเกมสู่ ‘ผู้นำเชิงกลยุทธ์’ ด้วย H-AI Ecosystem™ — สุดยอดอาวุธลับ คือ ระบบผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ ที่เกิดจาก ‘กระบวนการ 3 ประสาน’ อันทรงพลัง:

  1. H-AI Agent™: คือ AI ที่ใช้กลยุทธ์ “Alternatives-Intelligence” ในการสร้างทางเลือกที่หลากหลายเพื่อหา “กลยุทธ์ที่ดีที่สุด” ในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่คู่แข่งลอกเลียนแบบได้ยาก
  2. H-AI Optimization Framework™: คือ “กรอบโครงสร้างในการทำงานร่วมกับ AI” ที่เราพัฒนาขึ้น เพื่อให้ ‘มนุษย์’ และ ‘AI’ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ สร้างผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพสูงสุด
  3. Human-in-the-Loop: คือ ปราการด่านสุดท้ายที่ AI ทำแทนไม่ได้ ดร.ปิยะกุล จะใช้ความเชี่ยวชาญด้าน AI Strategy and Governance ตรวจสอบทุกผลลัพธ์ เพื่อเติม ‘ความเฉียบคมทางธุรกิจ’
1. H-AI Agent™:

นิยามใหม่ของความฉลาดทางธุรกิจ: จาก Artificial Intelligence สู่ Alternatives-Intelligence™ เราใช้ H-AI Agent สกัดข้อมูลเชิงลึก สร้างโซลูชันต้นแบบหลากหลาย ก่อนให้ทีมผู้เชี่ยวชาญกลั่นกรองและสังเคราะห์เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อมอบความได้เปรียบที่คู่แข่งเลียนแบบไม่ได้

2.H-AI Optimization Framework™:

คือกรอบการทำงานลิขสิทธิ์เฉพาะ ที่เราพัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI (Human-AI Collaboration) โดยสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีเข้ากับศักยภาพของบุคลากร เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพสูงสุด

3D-Expertise
3. Human-in-the-Loop:

ดร.ปิยะกุล กำหนดมาตรฐานใหม่ของ "Human-in-the-Loop" ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญสามมิติ (3D-Expertise) บนรากฐาน "AI Strategy & Governance" เพื่อให้คุณได้แผนกลยุทธ์ที่ทั้งเฉียบคม สอดคล้องตามกฏหมายกฏหมาย เพื่อสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืน