06

กลยุทธ์การสร้างนวัตกรรมด้วย AI
(AI Innovation Strategy)

สร้างความได้เปรียบด้วยพิมพ์เขียวนวัตกรรม AI ที่ผสาน Design Thinking, Lean Startup และ Agile เข้าใจความท้าทาย ค้นพบกลยุทธ์ธุรกิจ วัดผล ROI เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

Executive Summary

ความท้าทายในการนำ AI มาใช้

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนนวัตกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งยุค มอบโอกาสอันมหาศาลให้องค์กรสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการ และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่การมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalized Experiences) ที่เหนือกว่า ไปจนถึงการปฏิวัติประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม การเดินทางสู่นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยงและความท้าทาย รายงานและผลการศึกษาจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าโครงการ AI จำนวนไม่น้อยประสบความล้มเหลว ไม่สามารถส่งมอบคุณค่าที่คาดหวัง หรือไม่สามารถขยายผลจากระดับทดลองไปสู่การใช้งานจริงได้

ความท้าทายในการนำ AI มาใช้

ความล้มเหลวเหล่านี้มักไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการขาดกระบวนการที่เป็นระบบ การเริ่มต้นที่ไม่ถูกต้อง และการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม

เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จและลดความเสี่ยงในการสร้างนวัตกรรมด้วย AI องค์กรจำเป็นต้องมี “พิมพ์เขียวนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-Driven Innovation Blueprint)” ที่ชัดเจนและเป็นระบบ พิมพ์เขียวนี้ไม่ใช่เพียงขั้นตอนการทำงาน แต่เป็นกรอบแนวคิดและแนวปฏิบัติที่ผสมผสานหลักการสำคัญจาก Design Thinking, Lean Startup และ Agile Development เข้าด้วยกันอย่างลงตัว

หลุมพรางที่ต้องระวัง (Potential Pitfalls):

• การเริ่มต้นด้วยเทคโนโลยี AI

แทนที่จะเริ่มต้นจากปัญหาหรือความต้องการของลูกค้า/ธุรกิจ

• การกำหนดปัญหาหรือเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน

การตั้งความคาดหวังที่ไม่สมจริงเกี่ยวกับความสามารถหรือระยะเวลาในการพัฒนา AI

• การขาดการทดสอบและรับฟังความคิดเห็น

จากผู้ใช้อย่างเพียงพอ ทำให้พัฒนาสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์

• การยึดติดกับแนวคิดเดิม

และไม่กล้าปรับเปลี่ยน (Pivot) เมื่อผลการทดสอบไม่เป็นไปตามคาด

• การละเลยการวางแผนสำหรับการขยายผล

และการบูรณาการเข้ากับระบบเดิมตั้งแต่เนิ่นๆ

• การมองข้ามประเด็นด้านจริยธรรม

และความรับผิดชอบในการพัฒนานวัตกรรม AI ใหม่ๆ

กลยุทธ์การจัดลำดับความสำคัญ:

การนำพิมพ์เขียวนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้อย่างจริงจัง จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จ ลดความสูญเปล่า และเร่งกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สร้างผลกระทบได้อย่างยั่งยืน

1

มุ่งเน้นปัญหาที่มีคุณค่า

ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาที่สำคัญและมีคุณค่าต่อลูกค้าหรือธุรกิจอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การใช้ AI เพราะอยากใช้

2

เริ่มต้นเล็กและเรียนรู้เร็ว

ใช้แนวทาง Minimum Viable Product (MVP) และวงจร Build-Measure-Learn เพื่อทดสอบสมมติฐานและเรียนรู้จากข้อมูลจริงด้วยต้นทุนและเวลาที่น้อยที่สุด

3

ให้ความสำคัญกับการทดสอบและข้อมูลเชิงลึก

สร้างวัฒนธรรมที่ให้คุณค่ากับการทดลอง การเก็บข้อมูล และการนำข้อมูลเชิงลึกมาใช้ในการตัดสินใจและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

1. ศักยภาพและกับดักของนวัตกรรมในยุค AI

ศักยภาพของ AI

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน องค์กรต่างๆ ทั่วโลกต่างเล็งเห็นถึงศักยภาพของ AI ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ชาญฉลาดขึ้น บริการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลได้ดีขึ้น และรูปแบบธุรกิจที่สามารถพลิกโฉมอุตสาหกรรมได้

กับดักและความท้าทาย

การลงทุนใน AI เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตและรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้นไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ข้อมูลชี้ว่าอัตราความล้มเหลวของโครงการ AI ยังคงอยู่ในระดับสูง

แนวทางที่เป็นระบบ

ความล้มเหลวเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่มักมีรากฐานมาจากปัญหาเชิงกระบวนการและกลยุทธ์ เช่น การขาดความเข้าใจในปัญหาที่แท้จริง การเริ่มต้นที่ไม่ถูกต้อง การจัดการโครงการที่ไม่เหมาะสม หรือการไม่สามารถเชื่อมโยงศักยภาพของ AI เข้ากับคุณค่าทางธุรกิจที่จับต้องได้

2. ทำไมกระบวนการนวัตกรรมแบบเดิมจึงอาจไม่เหมาะกับ AI?

การเริ่มต้นที่ผิดจุด:

กระบวนการแบบเดิมอาจเริ่มต้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีแล้วค่อยหาทางนำไปใช้ ขณะที่โครงการ AI ที่ประสบความสำเร็จมักเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจปัญหาหรือความต้องการของลูกค้า/ธุรกิจอย่างลึกซึ้งก่อน แล้วจึงพิจารณาว่า AI จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร (Technology Push vs. Problem Pull)

ธรรมชาติของการพัฒนา AI ที่ไม่แน่นอนและต้องทำซ้ำ:

การพัฒนา AI โดยเฉพาะโมเดล Machine Learning มักต้องอาศัยการทดลอง การปรับแต่ง และการเรียนรู้จากข้อมูล ซึ่งแตกต่างจากกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมที่อาจมีขั้นตอนที่ชัดเจนกว่า กระบวนการนวัตกรรมแบบ Waterfall หรือแบบเส้นตรงจึงไม่เหมาะสมนัก

การพึ่งพาข้อมูลคุณภาพสูง:

ความสำเร็จของนวัตกรรม AI ขึ้นอยู่กับคุณภาพ ความพร้อม และความเหมาะสมของข้อมูลอย่างมาก กระบวนการนวัตกรรมแบบเดิมอาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการและการเตรียมข้อมูลเพียงพอตั้งแต่เริ่มต้น

ความยากในการคาดการณ์ผลลัพธ์และ ROI:

ผลลัพธ์ของโครงการ AI อาจมีความไม่แน่นอนสูงในระยะเริ่มต้น ทำให้ยากต่อการประเมิน ROI และตัดสินใจลงทุนตามกรอบการประเมินแบบเดิม

ความท้าทายในการขยายผล:

การนำต้นแบบ AI ที่ทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมทดลองไปใช้จริงในวงกว้าง (Scale) มักเผชิญกับความท้าทายด้านเทคนิค การบูรณาการระบบ และการจัดการการเปลี่ยนแปลง ซึ่งกระบวนการนวัตกรรมแบบเดิมอาจไม่ได้วางแผนรองรับไว้เพียงพอ

มิติทางจริยธรรมและความรับผิดชอบที่ซับซ้อน:

นวัตกรรม AI ใหม่ๆ อาจก่อให้เกิดคำถามทางจริยธรรม ความเป็นส่วนตัว หรือความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด ซึ่งต้องการการพิจารณาอย่างรอบคอบตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ

สมมติฐานที่เปลี่ยนแปลงไป:

เดิม:

นวัตกรรมเกิดจาก "ไอเดีย" ที่ยอดเยี่ยมเพียงครั้งเดียว

ใหม่:

นวัตกรรม AI เกิดจาก "กระบวนการเรียนรู้และปรับตัว" อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ข้อมูลและการทดลองเป็นตัวนำ

เดิม

เน้นการวางแผนที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้น

ใหม่:

เน้นการสร้างต้นแบบ ทดสอบ และเรียนรู้ให้เร็วที่สุด (Fail Fast, Learn Faster) เพื่อลดความเสี่ยงและปรับทิศทางได้ทัน

เดิม

วัดความสำเร็จจาก "ฟีเจอร์" ของผลิตภัณฑ์

ใหม่:

วัดความสำเร็จจาก "ผลลัพธ์" ที่สร้างให้กับลูกค้าและธุรกิจ และความสามารถในการเรียนรู้และปรับปรุง

ผลกระทบต่อองค์กร (หากไม่มีพิมพ์เขียวที่เหมาะสม)

• อัตราความล้มเหลวของโครงการ AI สูง

สิ้นเปลืองทรัพยากร (เงินทุน เวลา บุคลากร) และสร้างความผิดหวัง

• กระบวนการนวัตกรรมล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ

ไม่สามารถนำ AI มาสร้างความได้เปรียบได้ทันท่วงที

• สร้างผลิตภัณฑ์/บริการที่ไม่ตอบโจทย์ตลาด

พัฒนาสิ่งที่ลูกค้าไม่ต้องการ หรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง

• ไม่สามารถขยายผลนวัตกรรมได้

ติดอยู่แค่ระดับต้นแบบหรือการทดลอง

• เผชิญความเสี่ยงด้านจริยธรรมหรือกฎหมายโดยไม่คาดคิด

ขาดการพิจารณาอย่างรอบด้านตั้งแต่ต้น

หัวใจสำคัญ (Core Message)

การสร้างนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จด้วย AI ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่ต้องอาศัย “พิมพ์เขียวนวัตกรรมที่เป็นระบบและปรับเปลี่ยนได้” ซึ่งผสานจุดแข็งของ Design Thinking, Lean Startup และ Agile เข้าด้วยกัน เพื่อนำทางองค์กรตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการค้นหาปัญหา ไปจนถึงการส่งมอบคุณค่าที่แท้จริงสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

3. พิมพ์เขียวนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI (The AI-Driven Innovation Blueprint)

พิมพ์เขียวนี้เป็นกระบวนการแบบวนซ้ำ (Iterative Process) ที่ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีการนำหลักการจาก Design Thinking, Lean Startup และ Agile มาประยุกต์ใช้:

1

ค้นพบและกำหนด:

ทำความเข้าใจปัญหาหรือความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า/ผู้ใช้ หรือโอกาสทางธุรกิจอย่างลึกซึ้ง และกำหนดขอบเขตของปัญหา/โอกาสที่ AI จะเข้ามาช่วยแก้

2

ระดมสมองและสร้างต้นแบบ:

สร้างสรรค์แนวคิดโซลูชัน AI ที่หลากหลาย และพัฒนาต้นแบบ (Prototype) หรือ Minimum Viable Product (MVP) ที่สามารถนำไปทดสอบได้อย่างรวดเร็ว

3

ทดสอบและเรียนรู้:

ทดสอบต้นแบบ/MVP กับผู้ใช้จริงหรือข้อมูลจริง เพื่อตรวจสอบสมมติฐาน เรียนรู้ และปรับปรุงโซลูชันอย่างรวดเร็ว

4

ขยายผลและบูรณาการ:

นำโซลูชัน AI ที่ผ่านการตรวจสอบและปรับปรุงจนมั่นใจแล้ว ไปพัฒนาต่อยอด ขยายผลการใช้งานในวงกว้าง และบูรณาการเข้ากับระบบนิเวศขององค์กร

ขั้นตอนที่ 1: ค้นพบและกำหนด

ในขั้นตอนนี้ ทีมงานจะเริ่มด้วยการเจาะลึกปัญหาและความต้องการของลูกค้าหรือผู้ใช้ โดยใช้กระบวนการสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth interview) การมองภาพรวมของ customer journey mapping วิเคราะห์ pain point ที่แท้จริงของลูกค้า หรือระบุ unmet needs ที่ยังไม่มีใครตอบสนอง

สำหรับองค์กร การวิเคราะห์ทั้งปัจจัยภายนอก—เช่น แนวโน้มตลาดและการแข่งขัน ตลอดจนข้อมูลเชิงพฤติกรรมลูกค้า—และปัจจัยภายใน—เช่น ทรัพยากร โครงสร้างองค์กร วัฒนธรรม และระบบเดิม—จะช่วยให้เข้าใจบริบทที่ AI สามารถสร้างคุณค่าและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ได้อย่างแท้จริง

ทีมควรกำหนดขอบเขตของปัญหาและโอกาสให้ชัดเจน (problem/opportunity definition) เช่น ระบุเป้าหมายผลลัพธ์ (measurable outcomes) ขีดจำกัดที่ต้องคำนึงถึง (constraints) รวมถึงเกณฑ์ชี้วัดความสำเร็จ (success criteria) ที่ใช้ประเมินการเปลี่ยนแปลงหลังนำ AI มาใช้ ขั้นตอนนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้แผนพัฒนานวัตกรรม AI ต่อยอดสู่การสร้างผลกระทบที่จับต้องได้และยั่งยืนในองค์กร

ขั้นตอนที่ 2: ระดมสมองและสร้างต้นแบบ

Ideate

ระดมสมองเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาด้วย AI ที่หลากหลาย โดยไม่จำกัดกรอบความคิด

Prioritize

ประเมินและจัดลำดับความสำคัญของแนวคิด โดยพิจารณาจากศักยภาพในการแก้ปัญหา ความเป็นไปได้ทางเทคนิค (AI Feasibility) และความสอดคล้องกับกลยุทธ์

Prototype/MVP Development

สร้างต้นแบบที่จับต้องได้หรือ MVP ที่มีฟังก์ชันหลักเพียงพอที่จะทดสอบสมมติฐานที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับโซลูชัน AI นั้นๆ โดยเน้นความเร็วและต้นทุนต่ำ (Lean Startup Principle)

ขั้นตอนที่ 3: ทดสอบและเรียนรู้

Build-Measure-Learn Loop
วงจรการสร้าง วัดผล และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
Measure

นำต้นแบบ/MVP ไปทดสอบกับกลุ่มเป้าหมาย เก็บข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ

Learn

วิเคราะห์ข้อมูลและผลตอบรับที่ได้ เพื่อทำความเข้าใจว่าสิ่งใดใช้ได้ผล สิ่งใดไม่ได้ผล

Iterate or Pivot

ปรับปรุงต้นแบบหรือปรับเปลี่ยนทิศทางตามข้อมูลที่ได้รับ

ขั้นตอนที่ 4: ขยายผลและบูรณาการ

Product Development (Agile)

พัฒนาโซลูชัน AI ให้มีความสมบูรณ์ มีเสถียรภาพ และสามารถรองรับการใช้งานจริงในวงกว้าง โดยใช้วิธีการพัฒนาแบบ Agile เพื่อความยืดหยุ่น

Deployment & Integration

วางแผนและดำเนินการนำโซลูชัน AI ไปใช้งานจริง บูรณาการเข้ากับระบบงาน กระบวนการ และข้อมูลที่มีอยู่เดิม

Scaling Strategy

กำหนดกลยุทธ์ในการขยายฐานผู้ใช้หรือขอบเขตการใช้งาน

Monitoring & Optimization

ติดตามประสิทธิภาพการทำงานของโซลูชัน AI อย่างต่อเนื่อง เก็บข้อมูล และทำการปรับปรุง/เพิ่มประสิทธิภาพต่อไป

Change Management

บริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพนักงาน กระบวนการ และวัฒนธรรมองค์กร

Governance & Ethics

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการใช้งานเป็นไปตามกรอบธรรมาภิบาล AI ที่กำหนดไว้

การยืนยันประสิทธิผล

อัตราความสำเร็จในการระบุปัญหาที่ถูกต้อง
ความสำคัญ 90%
ความเร็วในการสร้าง MVP
ความสำคัญ 80%
จำนวนรอบการทดสอบและเรียนรู้
ความสำคัญ 70%
อัตราการปรับเปลี่ยน (Pivot Rate) ที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ความสำคัญ 60%
อัตราการยอมรับของผู้ใช้ (Adoption Rate)
ความสำคัญ 90%
คะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (CSAT/NPS)
ความสำคัญ 80%
ผลกระทบต่อ KPIs ทางธุรกิจที่ตั้งไว้ (เช่น รายได้ที่เพิ่มขึ้น, ต้นทุนที่ลดลง, ส่วนแบ่งการตลาด)
ความสำคัญ 100%
ROI ของนวัตกรรม AI ที่เปิดตัว
ความสำคัญ 90%

ข้อเสนอแนะสำหรับผู้บริหาร

ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คือหัวใจสำคัญของความได้เปรียบทางการแข่งขัน การพึ่งพากระบวนการแบบเดิมๆ หรือการลองผิดลองถูก อาจทำให้องค์กรของคุณตามหลังคู่แข่งและพลาดโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ

โอกาส

  • สร้างผลิตภัณฑ์/บริการ/รูปแบบธุรกิจที่แตกต่างและเป็นผู้นำตลาด
  • มอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่เหนือกว่า
  • เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างแหล่งรายได้ใหม่
  • ดึงดูดและรักษาลูกค้าและบุคลากรที่มีคุณภาพ
  • สร้างแบรนด์แห่งนวัตกรรม

ความเสี่ยง

  • อัตราความล้มเหลวของโครงการนวัตกรรม AI สูง
  • สิ้นเปลืองทรัพยากรในการพัฒนาสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์
  • ไม่สามารถขยายผลจากต้นแบบได้
  • ความเสี่ยงด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบจากนวัตกรรมใหม่
  • ใช้เวลาพัฒนานานเกินไปจนคู่แข่งแซงหน้า

สรุปกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ (Strategic Roadmap):

1

สร้างวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการทดลอง

สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้จากความล้มเหลว และเปิดรับการทดลองอย่างรวดเร็ว

2

นำโดยปัญหา

ให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจและแก้ปัญหาที่มีคุณค่าเป็นอันดับแรก

3

ใช้ประโยชน์จากกรอบแนวคิดที่พิสูจน์แล้ว

ผสาน Design Thinking, Lean Startup และ Agile เข้ากับกระบวนการนวัตกรรม AI

4

ลงทุนในข้อมูลและเครื่องมือ

เตรียมความพร้อมด้านข้อมูลและแพลตฟอร์มที่สนับสนุนการพัฒนาและทดสอบ AI อย่างรวดเร็ว

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

Topic 8: AI-Driven Simulation for Assessing the Impact of Leadership’s Strategic Decisions.

08 กลยุทธ์การประเมินผลกระทบการตัดสินใจของผู้นำดัวย AI (AI Decision Impact Simulator) ค้นพบศักยภาพของเครื่องมือจำลองผลกระทบด้วย AI เพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่แม่นยำ ลดความเสี่ยง เพิ่มความมั่นใจ และสร้างความได้เปรียบ พร้อมแนวทางปฏิบัติและความท้าทายสำหรับผู้บริหาร Executive Summary ความท้าทายทางธุรกิจ: VUCA ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ทวีความซับซ้อน ผันผวน…

Topic 7: Strategic for Analyzing New Market Trend Opportunities Using AI.

07 กลยุทธ์การวิเคราะห์โอกาสใหม่ทางการตลาดด้วย AI (AI New Market Trend Analysis) ปลดล็อกการเติบโตด้วย AI: คู่มือสำหรับผู้บริหารในการค้นหาและประเมินโอกาสตลาดใหม่ ทั้งตลาดเดิมและตลาดใหม่ ด้วยกลยุทธ์ แนวปฏิบัติ และการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน ขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้ก้าวนำด้วยข้อมูลเชิงลึกจาก AI Executive Summary ในยุคที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการแข่งขันรุนแรง…

Topic 6: Strategic AI-Powered Innovation Blueprint.

06 กลยุทธ์การสร้างนวัตกรรมด้วย AI (AI Innovation Strategy) สร้างความได้เปรียบด้วยพิมพ์เขียวนวัตกรรม AI ที่ผสาน Design Thinking, Lean Startup และ Agile เข้าใจความท้าทาย ค้นพบกลยุทธ์ธุรกิจ วัดผล ROI เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน…

คว้าโอกาสแซงหน้าคู่แข่ง

ตัดสินใจสร้าง "แผนกลยุทธ์: AI Business Navigator" เพื่อรับมือและใช้ประโยชน์จาก AI ได้ง่ายๆ 5 ขั้นตอน

ลงทุนอย่างชาญฉลาดเพื่อความสำเร็จที่เหนือกว่า: รับแผนกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อความสำเร็จของคุณโดยเฉพาะ ไม่ต้องเสียเวลาลงมือทำเอง และไม่ต้องจ้างบริษัทที่ปรึกษา AI ราคาแพงอีกต่อไป!  ทั้งหมดนี้ เสร็จสมบูรณ์ภายใน 21 วัน

1
ปรึกษาฟรี!:

โทรปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำ ในการพิจารณาเลือก Business Solutions ที่เหมาะสมกับองค์กรคุณ

2
ระบุวัตถุประสงค์ของท่าน:

กรุณาให้ข้อมูลตามแบบฟอร์มที่เราจัดส่งให้ รับประกันความปลอดภัยของข้อมูลสูงสุด

3
ข้อเสนอพิเศษสุด!:

ด้วยค่าบริการเริ่มต้นที่ 89,000 บาท จากปกติ 189,000 บาท (ต่อ 1 Business Solutions) Promotion พิเศษนี้ ภายใน 31 กรกฏาคม 2568 เท่านั้น

4
รอรับแผนกลยุทธ์เพื่อความสำเร็จ:

ด้วยพลังของ ‘H-AI Optimization System’ และการทำงานร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญของเรา ทำให้สามารถรังสรรค์ "AI Business Navigator" แผนกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งและพร้อมใช้งานให้คุณได้... ส่งมอบใน 21 วัน

5
สบายใจ ไร้ความเสี่ยง:

รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปรับแก้ไขแผนกลยุทธ์ ได้ฟรี 1 ครั้ง (ภายใน 30 วัน) เพื่อความสมบูรณ์แบบ

โทรปรึกษาฟรี! เรายินดีให้คำแนะนำ

พลิกเกมสู่ ‘ผู้นำ

สร้างความได้เปรียบแบบ ‘ผู้นำเชิงกลยุทธ์’ แซงคู่แข่งแบบก้าวกระโดด ในเวลาเพียง 21 วัน ด้วยงบประมาณที่เข้าถึงได้

คู่แข่งใช้ AI… แล้วคุณใช้อะไรที่เหนือกว่า? หยุดเป็น ‘ผู้ตาม’ และพลิกเกมสู่ ‘ผู้นำเชิงกลยุทธ์’ ด้วย “H-AI Optimization System”—สุดยอดอาวุธลับ คือ ระบบผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ธุรกิจ ที่เกิดจาก ‘กระบวนการ 3 ประสาน’ อันทรงพลัง:

  1. H-AI Optimization Engine™: ไม่ใช่ AI ทั่วไป แต่เป็น ‘สมองกล’ ที่คิดค้นกลยุทธ์แบบ Alternatives-Intelligence คือการสร้างสรรค์ทางเลือกที่หลากหลาย แล้ววิเคราะห์-สังเคราะห์เพื่อหา “ทางออกที่ดีที่สุด” ที่สร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจคุณโดยเฉพาะ
  2. H-AI Optimization Framework™: คือ ‘พื้นที่ทำงาน’ อัจฉริยะที่ออกแบบโดย ดร. ปิยะกุล เพื่อให้ ‘มนุษย์’ และ ‘AI’ ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ รับประกันว่าทุกกระบวนการจะให้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพสูงสุด
  3. 3D-Expertise (Human-in-the-Loop): คือปราการด่านสุดท้ายที่ AI ทำแทนไม่ได้ ดร. ปิยะกุล จะใช้ความเชี่ยวชาญด้าน AI Strategy and Governance ตรวจสอบรับรองทุกผลลัพธ์ เพื่อเติม ‘ความเฉียบคมทางธุรกิจ’ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

โอกาสเป็นผู้นำตลาดอยู่ในมือคุณแล้ว อย่ารอให้คู่แข่งคว้าไปก่อน โทรปรึกษาเราด่วน

1. H-AI Optimization Engine:

นิยามใหม่ของความฉลาดทางธุรกิจ: จาก Artificial Intelligence สู่ Alternatives-Intelligence (AI) แนวคิดที่เราสร้างสรรค์ขึ้นนี้ เริ่มต้นจากการใช้ AI สกัดข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้าง 'โซลูชันต้นแบบ' (Candidate Solutions) ที่หลากหลาย จากนั้น ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราจะวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และสังเคราะห์จุดเด่นของแต่ละแนวทางอย่างเข้มข้น เพื่อออกแบบเป็นแผนกลยุทธ์สุดท้ายที่ตอบโจทย์ทรัพยากรและเป้าหมายขององค์กร เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่แตกต่าง"

2. H-AI Optimization Framework:

ปลดล็อกศักยภาพสูงสุดขององค์กรด้วยกรอบโครงสร้างการทำงาน อันเป็นเอกลักษณ์ ที่ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI อย่างสมบูรณ์แบบ (Human-AI Collaboration) เราไม่ได้เพียงแค่ผสานเทคโนโลยี แต่เราสร้างระบบนิเวศที่ส่งเสริมให้เกิดประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือสูงสุด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกเป้าหมายทางธุรกิจจะสำเร็จลุล่วง

3D-Expertise
3. ผู้เชี่ยวชาญ (3D-Expertise):

ดร. ปิยะกุล ได้นิยามมาตรฐานใหม่ให้แก่กระบวนการทำงานร่วมกับ AI (Human-in-the-Loop) โดยใช้หลักการ ‘3D-Expertise’ ซึ่งบูรณาการความเชี่ยวชาญ 3 มิติเข้าด้วยกัน และมีรากฐานในด้านกลยุทธ์และธรรมาภิบาล AI (AI Strategy and Governance) เพื่อรับประกันว่าแผนกลยุทธ์ที่คุณได้รับ ไม่เพียงเฉียบคมและแม่นยำ แต่ยังสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน

Conversational Form (#2)